วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

Tag iPad Mini !!!^_^



 Tag   iPad  Mini
 
name : ipad mini
  1. Sharp จะหยุดผลิตหน้าจอพาเนล 9.7 นิ้ว ของ iPad ปกติแล้ว เพราะปริมาณสั่งซื้อน้อยเกินไป    Sharp จะหยุดผลิตหน้าจอพาเนล 9.7 นิ้ว ของ iPad ปกติแล้ว เพราะปริมาณสั่งซื้อน้อยเกินไป

    ตอนนี้ Sharp เองก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตจอให้กับสินค้าจาก Apple อย่าง iPad Mini อยู่ โดยในตอนนี้ออกมาประกาศแล้วว่าเตรียมจะหยุดการผลิตจอขนาด 9.7″           
  2. อัพเดท!! ราคา iPad 4/The new iPad ประจำวันที่ 21 มกราคม    อัพเดท!! ราคา iPad 4/The new iPad ประจำวันที่ 21 มกราคม

    อัพเดทราคา iPad 4 ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) ราคา iPad 2 ในไทย ณ วันที่ 21 มกราคม 2556           
  3. อัพเดท!! ราคา iPad Mini ประจำวันที่ 21 มกราคมอัพเดท!! ราคา iPad Mini ประจำวันที่ 21 มกราคม

    เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง
  4. ความเป็นไปได้ของ iPhone 5S ในเดือนมิถุนายน/กรกฎาคม     ความเป็นไปได้ของ iPhone 5S ในเดือนมิถุนายน/กรกฎาคม

    เรื่องราวของ iPhone นั้นอยู่ในความสนใจของหลายๆ คนมานานพอควร โดยสื่อหลายๆ แขนงก็พยายามจะเล่นข่าวเกี่ยวกับ iPhone รุ่นใหม่มาตลอด           
  5. เผยแบบจำลอง iPad 5 ตามข่าวลือ    เผยแบบจำลอง iPad 5 ตามข่าวลือ

    ภาพนี้ไม่ใช่ของจริงเป็นเพียงแค่แบบจำลองที่ทาง 3dexport ได้ทดลองทำขึ้นมาเท่านั้น           
  6.     ซัมซุงส่ง "Galaxy Note 8.0" ลงฟาด "iPad Mini" (ลือ)

    เว็บไชต์ SamMobile รายงานว่ายักษ์ใหญ่อย่าง Samsung กำลังวางแผนที่จะส่ง Samsung Galaxy Note 8.0 เพื่อเปิดศึกอย่างเป็นทางการกับ iPad Mini ของทางค่าย Apple ในไม่ช้านี้           
  7. ถ้า iPhone 5S, iPhone 5 Mini, iPad 5 หน้าตาแบบนี้จะซื้อมั้ย?    ถ้า iPhone 5S, iPhone 5 Mini, iPad 5 หน้าตาแบบนี้จะซื้อมั้ย?

    ไหนๆก็มีข่าวลือของทั้ง iPhone 5S, iPhone 5 Mini และ iPad 5 ออกมาในช่วงนี้ถี่เสียเหลือเกิน           
  8. เผย!! ไทม์ไลน์การผลิตของ Apple 2013    เผย!! ไทม์ไลน์การผลิตของ Apple 2013

    [20-มกราคม-2556] เริ่มต้นปีมาไม่นานก็มีข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ของ Apple ออกมาอัพเดทกันเรื่อยๆ เพราะล่าสุดนั้นทางเว็บไซต์ unwiredview           
  9. ราคา iPad mini อัพเดท 14 มกราคม     ราคา iPad mini อัพเดท 14 มกราคม

    [14-มกราคม-2556] เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง           
  10. ลือ!! เปิดตัว iPad 5 และ iPad mini 2 ในช่วงมีนานี้    ลือ!! เปิดตัว iPad 5 และ iPad mini 2 ในช่วงมีนานี้

    เช้านี้อัพเดทเกี่ยวกับข่าวลือของการวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ของทางค่าย Apple กันหน่อยครับ เมื่อล่าสุดนั้นทาง Appleinsider           
  11. อัพเดทราคา new iPad ipad 4 (ไอแพด 4) ราคา iPad 3 และ ราคา iPad 2 (วันที่ 6 มกราคม 2556)    อัพเดทราคา new iPad ipad 4 (ไอแพด 4) ราคา iPad 3 และ ราคา iPad 2 (วันที่ 6 มกราคม 2556)

    อัพเดทราคา iPad 4 ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) ราคา iPad 2 ในไทย ณ วันที่ 6 มกราคม 2556 เรียกได้ว่า ในปีนี้ Apple ลุยตลาดแท็บเล็ตอย่างเต็มที่เลยทีเดียวครับ เนื่องจากในปีที่ผ่านมานั้น ผลิตภัณฑ์ iPad จะเปิดตัวปีละ 1 รุ่นเท่านั้น           
  12. ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง (เครื่องนอก) วันที่ 6 มกราคม 2556    ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง (เครื่องนอก) วันที่ 6 มกราคม 2556

    [6-มกราคม-2556] เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง โดยการเปิดจำหน่าย iPad mini (ไอแพด มินิ) บน Apple Store ในครั้งนี้           
  13. เปรียบเทียบประโยชน์ระหว่าง iphone5 กับ iPad4 และ iPad mini เลือกซื้ออะไรดี    เปรียบเทียบประโยชน์ระหว่าง iphone5 กับ iPad4 และ iPad mini เลือกซื้ออะไรดี

    [8-มกราคม-2556] หลังจากถอย iPad mini cellular มาตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย ใช้กำลังภายในนิดหน่อยไม่ต้องไปเข้าคิว           
  14. ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว (เครื่องนอก) วันที่ 31 ธันวาคม 2555    ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว (เครื่องนอก) วันที่ 31 ธันวาคม 2555

    [31-ธันวาคม-2555] เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง โดยการเปิดจำหน่าย iPad mini (ไอแพด มินิ) บน Apple Store ในครั้งนี้           
  15. ราคา new iPad ipad 4 (ไอแพด 4) ราคา iPad 3 และ ราคา iPad 2 ในไทย วันที่ 31 ธันวาคม 2555    ราคา new iPad ipad 4 (ไอแพด 4) ราคา iPad 3 และ ราคา iPad 2 ในไทย วันที่ 31 ธันวาคม 2555

    อัพเดทราคา iPad 4 ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) ราคา iPad 2 ในไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 เรียกได้ว่า ในปีนี้ Apple ลุยตลาดแท็บเล็ตอย่างเต็มที่เลยทีเดียวครับ เนื่องจากในปีที่ผ่านมานั้น ผลิตภัณฑ์ iPad จะเปิดตัวปีละ 1 รุ่นเท่านั้น                         
  16. ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว (เครื่องนอก)    ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว (เครื่องนอก)

    [23-ธันวาคม-2555] เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง           
  17. อัพเดทราคา New iPad เครื่องหิ้ว เครื่องศูนย์ มาบุญครองทุกรุ่น    อัพเดทราคา New iPad เครื่องหิ้ว เครื่องศูนย์ มาบุญครองทุกรุ่น

    เรียกได้ว่า ในปีนี้ Apple ลุยตลาดแท็บเล็ตอย่างเต็มที่เลยทีเดียวครับ เนื่องจากในปีที่ผ่านมานั้น ผลิตภัณฑ์ iPad จะเปิดตัวปีละ 1 รุ่นเท่านั้น แต่ในปีนี้ Apple ได้เปิดตัวกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน
  18. มีรายงานของสื่อต่างประเทศอย่างเว็บไซต์ Macotakara จากประเทศญี่ปุ่นอัพเดทข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ iPad รุ่นต่อไปว่าอาจจะมีการเปิดตัวในเดือนมียาคม 2013           
  19. รอดีไหม? iPad mini รุ่นต่อไปอาจจะใช้ Retina Display?    รอดีไหม? iPad mini รุ่นต่อไปอาจจะใช้ Retina Display?

    เป็นข่าวมาได้ซักพักสำหรับ iPad mini ที่เริ่มมีการรายงานว่าจะมีการอัพเดทไปใช้ Retina Display ในรุ่นต่อไป ซึ่งสื่อที่รายงานก็ไม่ใช่ใครที่ไหน           
  20. ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว (เครื่องนอก) วันที่ 16 ธันวาคม 2555 [    ราคา iPad mini (ไอแพด มินิ) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว (เครื่องนอก) วันที่ 16 ธันวาคม 2555 [

    เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง โดยการเปิดจำหน่าย iPad mini (ไอแพด มินิ)

ไวรัส Computer

 
ไวรัส  COMPUTER
 
 




ไวรัสคอมพิวเตอรเป็นโปรแกรมพิเศษชนิดหนึ่งที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้จัดการกับตัวมันเอง โดยมีลักษณะเลียบแบบสิ่งมีชีวิต คือ เจริญเติบโตเองได้ ขยายและแพร่กระจายเองได้ สามารถอยู่รอดได้ โปรแกรมนี้เข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยผ่านทาง

    • แผ่นฟลอปปีดิสก์
    • เครือข่ายคอมพิวเตอร์
จากการที่ไวรัสคอมพิวเตอร์ ทำงานได้ด้วยเงื่อนไขลักษณะใดลักษณะหนึ่งหลายลักษณะ จึงทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนติดไวรัสหรือไม่ พอเปิดเครื่องใช้ก็อาจพบว่าระบบคอมพิวเตอร์ของตนถูกไวรัสทำลายเสียแล้ว ไวรัสบางตัวไม่เพียงทำลาย ลบ ล้าง ย้ายข้อมูลของเรา โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่ยังสามารถทำลายโปรแกรมอื่น ๆได้อีกด้วยโดยสังเกตได้จากการที่หน้าจอแสดงผลโดยอาการแปลก ๆ

การแพร่กระจายและการทำงานของไวรัสคอมพิวเตอร์

การแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ มีลักษณะคล้ายกับการแพร่กระจายของเชื้อโรคทั่วไป กล่าวคือ ต้องมีพาหะ หรือตัวกลาง เช่น อากาศ น้ำ และพาหะอื่น ๆ ส่วนโลกของคอมพิวเตอร์พาหะที่ว่านั้นก็คือ
    • แผ่นดิสก์
    • สายเคเบิลเพื่อสื่อสารข้อมูล โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้หลายคน และแต่ละคนก็ต่างมีแผ่นดิสก์ของตนเอง รวมทั้งมีการก๊อปปี้แผ่นดิสก์กันโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยแล้ว ยังมีโอกาสติดไวรัสคอมพิวเตอร์มากขึ้น
ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์
เราสามารถแบ่งไวรัสที่มีอยู่มากกว่าแปดพันชนิด ตามลักษณะแหล่งที่อยู่ และการฝังตัวของมันได้ดังนี้
  1. ไวรัสที่ฝังตัวอยู่ตามบูตเซ็กเตอร์ของแผ่นดิสก์และตารางพาร์ติชัน ทุกครั่งทีทำการเปิดเครื่อง ระบบจัดการของคอมพิวเตอร์จะอ่านข้อมูลจากบูตเซ็กเตอร์ และโหลดเข้าไปในหน่วยความจำก่อน เสมอ ทำให้ไวรัสประเภทนี้ถูกโหลดไปหลบซ่อนในหน่วยความจำเพื่อรจังหวะแพร่กระจายต่อไปยังแผ่นดิสก์
    ไวรัสประเภท ไม่สามารถทำลายได้โดยการเปิดเครื่องใหม่ เพราะมันจะเริ่มอยู่ในหน่วยความจำตั้งแต่เปิดเครื่อง และจะเมทำงานตลอดเวลานับจากนั้น
  2. ไวรัสที่เกาะตามไฟล์ ส่วนมากจะเกาะติดไฟล์ที่มีสกุล .COM และ .EXE คือเมื่อมีการใช้งานโปรแกรม .COM .EXE ไวรัสประเภทนี้จะแยกตัวไปซ่อนอยู่ในหน่วยความจำ แล้วหาทางเกาะติดไฟล์ที่มีนามสกุลดังกล่าว ที่เก็บไว้ในแผ่นดิสก์
  3. ไวรัสที่ฝังตัวอยู่ในไฟลCOMMAND.COM ไฟล์นี้เป็น ไฟล์ คำสั่งพื้นฐานที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการ เช่น เมื่อไปใช้งานในโหมด DOS Prompt แล้วไฟล์คำสั่ง COMMAND จะทำหน้าที่แปลคำสั่งนั้นให้เป็นภาษาเครื่องเข้าใจ เช่น คำสั่ง DEL,REN,DIR,COPY เป็นต้น จากการที่ไฟล์นี้ทำงานบ่อย ๆ นี่เอง ทำให้กระจายไปได้อย่างกว้างขวาง ทำลายยากกว่าไวรัสประเภทแรก
  4. ไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยความจำ ไวรัสประเภทนี้จะฝังติดอยู่ในหน่วยความจำ และรอจนกว่าจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่เหมาะสมของสภาพแวดล้อม ไวรัสนี้ก็จะเริ่มทำงานทันที
  5. ไวรัสประเภททำลายเฉพาะไฟล์
ไวรัสประเภทนี้เกาะติดไฟล์โปรแกรมไปเรื่อย ๆ และเมื่อพบไฟล์ที่ต้องการก็จะเริ่มทำงานไม่ว่าจะเป็นการแก้ไข การทำลาย การเคลื่อนย้าย เป็นไวรัสที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจมากกว่าไวรัสประเภทอื่น ๆ กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าติดไวรัสแล้ว ข้อมูลที่สำคัญของผู้ใช้ก็อาจหายไปหมดแล้ว
ผลกระทบจากการก่อกวนของไวร้สคอมพิวเตอร์
ผลกระทบนั้น จะเจอลักษณะต่าง ๆ แล้วแต่ชนิดของไวรัส อาจเป็นดังนี้
  1. ทำลายบูตเซกเตอร์ ทำให้ฮาร์ดดิสก์หรือแผ่นดิสก์ที่มีระบบ บูตไม่ได้
  2. ทำลายไฟล์ข้อมูล โดยลบไฟล์ข้อมูลแล้วกู้กลับคืนมาไม่ได้
  3. ทำลาย FAT ของแผ่นดิสก์
  4. ทำให้ไฟล์ข้อมูลมีขนาดเพิ่มขึ้นเอง โดยไวรัสจะสร้างข้อมูลขึ้นมาเอง ทำให้ไฟล์ข้อมูลมีลักษณะแปลกหูแปลกตาเกิดขึ้น
  5. ทำให้ความเร็วของเครื่องช้าลง การเรียกใช้โปรแกรมจเสียเวลามากขึ้น
  6. การเรียกใช้บางโปรแกรม จะเกิดอาการเครื่องขัดข้อง ( hang – up ) ต้องเปิด – ปิดเครื่องบ่อย ๆ ทำให้ผู้ใช้เสียอารมณ์
  7. ฟอร์แมตแผ่นให้เราใหม่ โดยไม่ได้สั่ง
  8. หน่วยความจำของเครื่องมีขนาดเล็กลง
  9. ทำลายค่าที่ติดตั้งของระบบ เช่น ทำลายไฟล์ CONFIG.SYS ทำให้เมื่อเราเริ่มเปิดเครื่อง เครื่องจะไม่ทำงานในส่วนนี้
  10. ส่งข้อความแปลกประหลาด ออกทางหน้าจอหรือทางเครื่องพิมพ์แล้วแต่จังหวะ โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้สั่งการ
การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์
มีเทคนิคอยู่มากมายหลายวิธี ดังนี้
  1. ทุกครั้งที่นำซอฟแวร์ที่ไม่ทราบแหล่งที่ผลิต หรือได้รับแจกฟรี ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนนำไปใช้
  2. ควรตรวจสอบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  3. เตรียมแผ่นที่สะอาดไว้สำหรับบูตเครื่องเมื่อคราวจำเป็น
  4. ควรสำรองข้อมูลไว้เสมอ
  5. พยายามสังเกตุสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำงานที่ช้าลง ขนาดไฟล์ หน้าจอแสดงผลแปลก ๆ ไดรฟ์มีเสียงผิดปกติ
  6. ไม่นำแผ่นดิสก์ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ถ้ายังไม่ได้ปิดแถบป้องกันการบันทึก (Write Protect )
  7. ควรแยกแผ่นโปรแกรม และแผ่นข้อมูลออกจากกันโดยเด็ดขาด
  8. ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาเล่นเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน โดยปราศจากการควบคุมอย่าง
    ใกล้ชิด
  9. ควรมีโปรแกรมป้องกันไวรัสไว้ใช้ตรวจสอบและป้องกัน โดยเฉพาะโปรแกรมป้องกันไวรัสรุ่นใหม่ ๆ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ดีขึ้นมาก ในที่นี้จะขอแนะนำโปรแกรม SCAN ของบริษัท McAfee Associates รุ่น V.2.5.1 หรือ Norton Antivirus
ข้อควรปฏิบัติเมื่อพบไวรัสในขณะทำงาน
  1. บูตเครื่องใหม่โดยการปิด แล้วเปิด หรือกดปุ่ม RESET บนเครื่อง ควรบูตด้วยแผ่น DOS ที่มั่นใจด้วยว่าไม่มีไวรัส เพราะเมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ไวรัสบางชนิดอาจสูญหายหรือหมดฤทธิ์ไป
  2. ใช้โปรแกรมตรวจสอบเช็คไวรัสที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์หรือแผ่นดิสก์ ซึ่งโปรแกรมจะตรวจสอบไวรัสจากหน่วยความจำของเครื่องก่อนเสมอ
  3. หลังจากทราบชื่อและชนิดของไวรัสแล้ว ให้กำจัดหรือทำลายไวรัสด้วยโปรแกรมกำจัดไวรัส
  4. บางครั้งถ้าเป็นไวรัสที่เกาะติดตามบูตเซ็กเตอร์ ให้ก๊อปปี้คำสั่ง SYS.COM ของดอส อีกแผ่นที่แน่ใจว่าสะอาด ( ต้องเป็น SYS.COM รุ่นเดียวกัน ) เข้าไปในแผ่นดิสก์ที่ติดไวรัส อาจทำได้ดังนี้ A:\ SYS C: <Enter>
    การกระทำดังกล่าว เป็นการคัดลอกโปรแกรมระบบทั้ง 3 ไฟล์ ของดอสไปเขียนไว้ที่ไวรัสที่บูตเซกเตอร์
  5. เมื่อกำจัดไวรัสเรียบร้อยแล้ว (ข้อเท็จจริงแล้ว ไม่อาจเชื่อถือได้ว่ากำจัดได้ 100% ) ให้เปิดเครื่องใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยปิดเครื่องประมาณ 10 วินาที แล้วเปิดใหม่ หรือกดปุ่ม RESET ทั้งนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันเนื่องมาจากอาจมีไวรัสบางตัวหลบซ่อนอยู่ในหน่วยความจำก็เป็นได้

เศรษฐกิจพอเพียง

 
เศรษฐกิจพอเพียง
 
1.ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ อะไร?
    เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิต และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับตั้งแต่
ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน การพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนิน
ไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

2.เศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไร?
เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตัวเองได้
ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง (Self Sufficiency) อยู่ได้โดยไม่สร้าง
ความเดือดร้อนให้ตนเอง และผู้อื่น ซึ่งต้องสร้างพื้นฐาน
ทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อนมีความพอกินพอใช้สามารถ
พึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถ สร้างความเจริญก้าวหน้าและ
ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศได้
3.ใครที่สามารถนำเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติได้?
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปรัชญาที่ทุกๆ คน สามารถนำไปปฏิบัติ
ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวท่านเอง นักเรียน เกษตรกร ข้าราชการ
และประชาชนทั่วไป ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน สถาบันต่างๆ ทั้งนอกภาค
การเกษตรและในภาคการเกษตร สามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ดังกล่าวไปปฏิบัติ เพื่อดำรงชีวิตและพัฒนาธุรกิจการค้าได้จริง
4.หลักการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงต้องคำนึง
ถึงอะไรบ้าง?
การดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ
ทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงหลักการ 3 ประการ ดังนี้
1).ความพอประมาณ
2.)ความมีเหตุผล
3.)การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
โดยการดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ดีจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ความรู้ และคุณธรรม
ตลอดจนต้องเป็นคนดี มีความอดทน พากเพียร
ความพอประมาณ
หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจอย่าง
พอเพียงตามความสามารถ และศักยภาพของตนที่มีอยู่ และต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม
ตลอดจนพึงนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ
การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
เป็นการเตรียมความพร้อม ความรู้ ที่จะรับผลกระทบ และ
การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง
การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ท่านสามารถมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยร่วมปฏิบัติในสิ่งง่ายดังนี้
1.)ยึดหลักประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกด้าน ลด ละ ความฟุ่มเฟื่อยในการดำรงชีวิต
2.)ประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพ
3.)ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ที่รุนแรงและไม่ถูกต้อง
4.)ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยขวนขวายหาความรู้ ให้เกิดรายได้เพิ่มพูน
จนถึงขั้นพอเพียง
5.)ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป
5.การดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดผลอย่างไร?
การดำเนินการพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจักนำไปสู่
1).การดำรงชีวิตที่สมดุลมีความสุขตามอัตภาพ
2.)การพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองและประเทศชาติมั่นคง
3.)การอยู่ร่วมกันในสังคมเกิดวามเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
 
นอกจากนี้ ปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ปฏิเสธการเป็นหนี้สิน การกู้ยืมเงิน
แต่เน้นการบริหารความเสี่ยง คือ แม้ว่าจะกู้ยืมเงินมาลงทุน ก็เพื่อดำเนินกิจการที่ไม่ก่อให้เกิด
ความเสี่ยงมากจนเกินไปแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามไม่ให้ลงทุนหรือขยายธุรกิจ
แต่เน้นให้ทำธุรกิจที่ไม่ให้เสี่ยงมากเกินไปควรลงทุนให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง
 

อาชีพที่น่าสนใจ!!

  5 อาชีพทําเงิน เด่น อาชีพเสริม อาชีพที่น่าสนใจ

5 อาชีพน่าสน สำหรับคน พ.ศ.นี้
จากประสบการณ์การจัดหางานมานานกว่า 15 ปี บริษัท Adecco Thailand (www.adecco-asia.com/thailand) ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ได้ทำการจัดอันดับอาชีพทำเงินล่าสุด โดยแบ่งตามสายอาชีพออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่

ขุม (ทรัพย์) ที่ 1 - การเงินและการบัญชี (Finance & Accounting )
อาชีพที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ได้แก่ ผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditor) นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst) พนักงานธนาคาร (Banking) นักบัญชี (Accountant) นักบัญชีต้นทุน (Cost Accountant) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี (Tax Specialist) แต่ตำแหน่งที่ฮอตฮิตมีคนอยากจับจองเห็นจะเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี มีหน้าที่ดูตัวเลขทางบัญชีและเซ็นเอกสารรับรองการบัญชีของบริษัทต่างๆ
คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับอาชีพเหล่านี้ คือ จบปริญญาตรี ในสาขาการบัญชีเป็นขั้นต่ำ เกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.75 ขึ้นไป เพราะต้องมีความรู้ความสามารถทางบัญชีเป็นอย่างดี และมีความละเอียดรอบคอบสูง ส่วนด้านบุคลิกภาพ ต้องพูดจาฉะฉาน พูดนำเสนอหรืออธิบายได้ดี ที่สำคัญต้องมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ถ้ามีความรู้ด้านการเงินเข้ามาเพิ่มศักยภาพยิ่งได้เปรียบ เพราะบางครั้งต้องตรวจบัญชีตามสถาบันทางการเงินต่างๆ เช่น ธนาคาร
ข้อดี คือ สามารถประกอบอาชีพอิสระหรือมีธุรกิจส่วนตัวได้ ยิ่งถ้ามีใบ CPA (Certificate Public Account) จะสามารถเปิดสำนักงานตรวจสอบบัญชีของตัวเองได้ แต่ธรรมชาติของงานอาจไม่เหมาะกับคนขี้เบื่อเพราะใช้เวลาการทำงานในแต่ละ ครั้งนาน แถมดูเหมือนต้องคอยจับผิดคนอื่น ทั้งในแง่ของตัวเลขและข้อมูลทางธุรกิจ บางครั้งก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
INCOME เริ่มต้นประมาณ 12,000-15,000 บาท ระยะเวลาการทำงาน 4 ปี สามารถปรับเงินเดือนขึ้นไปได้ถึง 5 หมื่นบาท แต่ถ้าทำงานในบริษัทที่เรียกว่าเป็น “BIG 4 ของเมืองไทย” ได้แก่ 1.บริษัท PricewaterhouseCoopers 2.บริษัท Ernst&Young 3.บริษัท Deloitte Touche Tohmatsu 4.KPMG International อัตราเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป และมักได้รับความเชื่อมั่นว่า มีความสามารถสูง แถมอนาคตไกล ถ้ามีความสามารถและสอบได้ใบ CPA เร็วโอกาสก้าวหน้าก็เร็วขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ต้องมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ เพราะบริษัท BIG 4 มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก
Note!!! ตำแหน่งเริ่มต้นคือ Junior-Auditor ระยะเวลาเลื่อนขั้นเป็นตำแหน่ง Semi-Auditor ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี และใช้เวลาเลื่อนขั้นไปตำแหน่ง Senior-Auditor ประมาณ 3 ปี จากตำแหน่ง Senior-Auditor ใช้เวลายาวนานมากกว่าจะเลื่อนขั้นเป็น Assistant Manager, Manager, Assistant Director และตำแหน่งสูงสุดคือ Partnerโดยเฉลี่ยแล้วจากตำแหน่ง Junior-Auditor ใช้เวลาเลื่อนขั้นไปตำแหน่ง Manager อาจใช้เวลาเกือบ 10 ปี

ขุม (ทรัพย์) ที่ 2 - การขายและการตลาด (Sale & Marketing) อาชีพในสายนี้ ได้แก่ Sale Representative (Level 1), Sale Supervisor (Level 2), Sale Manager, Business Development,. Key Account Manager, Area Manager และ Trade Marketing Manager
คุณสมบัติพื้นฐานคือ จบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า สาขาไหนก็ได้ แต่ต้องโดดเด่นด้านบุคลิกภาพ เช่น หน้าตาน่าเข้าหา น่าคุยด้วย ชวนให้ลูกค้าอยากซื้อของ เข้าใจตัวสินค้า ศึกษาและเข้าใจตลาดคู่แข่ง ชอบงานติดต่อผู้คน ไม่กลัวงานหนัก ทำงานภายใต้แรงกดดันได้ดี เพราะการทำงานด้านนี้มีคู่แข่งเยอะ
ที่สำคัญต้องแข่งกับตัวเอง อัพเดทคู่แข่งอยู่ตลอดตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นทุกเดือนและต้องทำให้ได้ รวมทั้งต้องคิดแผนการขายไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ยังมีข้อดีคือ ได้รู้จักคนในวงกว้างตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงผู้บริหาร แม้สนามแข่งขันของธุรกิจจัดจำหน่ายมีการแข่งขันอย่างรุนแรง แต่ได้ประสบการณ์ทางด้าน Direct Sales ซึ่งไม่สามารถหาเรียนได้จากสถาบันไหน
INCOME เริ่มต้นประมาณ 10,000-12,000 บาท สำหรับนิสิตนักศึกษาจบใหม่ ถ้ารวมค่าคอมมิชชั่น ค่าน้ำมัน ฯลฯ รายได้ต่อเดือนรวมประมาณ 17,00-18,000 บาท สามารถเลื่อนขั้นได้เร็ว มีความก้าวหน้าสูง เพราะมีผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม เช่น สะสมแต้มจากยอดขาย เงินเดือนที่ได้มาขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเอง เพราะยิ่งขายสินค้าได้มาก ค่าตอบแทนหรือค่าคอมมิชชั่นก็มากขึ้นตามไปด้วย
 
ขุม (ทรัพย์) ที่ 3 - ที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consultant)
รู้จักกันในนามของ Human Resource Consultant และ Organizaion Developement งานหลักคือ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กร และคลุกคลีอยู่กับการบริหารคน รวมถึงจัดการเรื่องยากๆ เช่น สร้างวิสัยทัศน์ ภารกิจ กลยุทธ์ ตลอดจนจัดทำระบบวัดผล ปรับองค์กร และระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคล
ยกตัวอย่างเช่น ถ้า 2 บริษัทจะทำธุรกิจร่วมกันจะต้องมีคนกลาง หรือ Third Party เข้ามาช่วยดูแลว่าจะทำอย่างไรให้บริษัทมีสถานภาพคงที่มากที่สุด ที่ปรึกษาทางธุรกิจก็จะรับบทบาทจัดการเรื่องนี้ไปด้วยกระบวนการที่กล่าวมา ข้างต้น บางบริษัทเป็นองค์กรใหญ่และมีพนักงานมาก จะจ้างที่ปรึกษาทางธุรกิจเข้าไปดูแลโดยเฉพาะเลยก็ได้
ต้องจบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ เน้นสาขาทรัพยากรบุคคล หรือบริหาร ที่สำคัญต้องสามารถติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ชอบติดต่อผู้คน มีทักษะในการสื่อสารที่ดี ใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา เช่น อัพเดทข้อมูลข่าวสาร รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และสามารถหาเครื่องมือมาใช้ในการพัฒนาองค์กรได้
INCOME บาง องค์กรเริ่มต้นค่อนข้างสูงประมาณ 30,000-40,000 บาท แต่โดยเฉลี่ยแล้วเงินเดือนสำหรับนิสิตนักศึกษาจบใหม่หรือผู้ไม่มีประสบการณ์ ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป อาชีพนี้มีโอกาสก้าวหน้าสูง เพราะสามารถเป็นที่ปรึกษาได้หลายบริษัทในเวลาเดียวกัน เมื่อทำงานด้านนี้มาได้สักระยะจะมีคนรู้จักนับถือ มีชื่อเสียงมากขึ้น พัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ หรือที่เรียกว่า Senior Consultant จนสามารถรับเป็นงานอิสระได้ แต่ต้องมีความรอบรู้ด้านธุรกิจและประสบการณ์สูงพอดี
ขุม (ทรัพย์) ที่ 4 - ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ (IT Consultant)
อาชีพที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ได้แก่ IT Engineering, ERP Consultant, Application Specialist, Project Manager, Programmer, Network Engineering และ Softwear Design
คุณสมบัติ คือ ต้องจบปริญญาตรี ในสาขาคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างต่ำ มีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ พร้อมที่จะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และฝึกฝนให้คล่องแคล่ว ภาพลักษณ์ของผู้ที่ทำอาชีพนี้มักเป็นคนทันสมัย เพราะรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ก่อนใคร แต่ก็มีข้อเสียคือ มีข้อจำกัดด้านอาชีพ เพราะโอกาสเปลี่ยนข้ามสายงานได้น้อย
Note!!! สายงานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยทำธุรกิจ เขียนโปรแกรมจัดการฐานข้อมูล วางระบบงานและเทคโนโลยีสารสนเทศ อาจเริ่มต้นจากการเป็นโปรแกรมเมอร์เขียน Application ทางธุรกิจ แล้วไต่เต้าเป็นนักวิเคราะห์ระบบ หรือเป็นที่ปรึกษาทางคอมพิวเตอร์
สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องรอบรู้เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์และระบบการจัดการสารสนเทศ เหมาะที่จะเป็นนักวิเคราะห์และสร้างระบบจัดการข้อมูลภายในองค์กร
สายงานวิทยาการคอมพิวเตอร์ ต้องสามารถเขียนโปรแกรมและโครงสร้างข้อมูล เก่งด้านทฤษฎีการคำนวณซอฟต์แวร์ประเภทต่างๆ และระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์
สายงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ควรมีความรู้ทางเทคนิคมาก ทั้งยังเขียนโปรแกรมและการออกแบบคอมพิวเตอร์ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ได้ สามารถทำได้เกือบทุกอย่าง ทั้งเป็นโปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบ หรือออกแบบชิพหรือคอมพิวเตอร์แบบใหม่
INCOME เริ่มต้นเฉลี่ย 40,000 บาทขึ้นไป แต่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี สำหรับนิสิตนักศึกษาจบใหม่สามารถแยกได้เป็น
1.IT Programmer ตลาดแรงงานกว้าง เริ่มต้นประมาณ 15,000-20,000 บาท แต่ต้องมีความรู้ด้านฐานข้อมูลเป็นอย่างดี
2.IT System เงินเดือนมากกว่า IT Programmer ประมาณ 3,000-4,000 บาท แต่ต้องดูแลระบบคอมพิวเตอร์ได้ เข้าใจ Network รวมถึงมีความรู้พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี ถ้าใครก็ตามที่เรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ขอบอกว่าได้เงินดีที่สุด ยิ่งมีความรู้เฉพาะทางเรื่องซอฟต์แวร์อย่างลึกซึ้งเงินเดือนยิ่งสูง
ขุม (ทรัพย์) ที่ 5 - การบริการ ( Service )
ขอระบุไปเลยว่า Air และ Steward ยังคงไม่ตกอันดับ
คุณสมบัติที่ต้องการคือ จบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ สาขาไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จบด้านอักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิเทศศาสตร์ จะได้เปรียบ นอกจากนี้ต้องมีใจรักการบริการ บุคลิกและอัธยาศัยดี
ล่าสุดข้อมูลเพิ่มเติมด้านคุณสมบัติ จากบริษัทการบินไทยคือ โสด สัญชาติไทย อายุ 20-26 ปี สูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร น้ำหนักได้สัดส่วนกับความสูง ว่ายน้ำได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 50 เมตร และต้องมีท่าฟรีสไตล์ด้วย
สำหรับสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ต้องการ ผู้ที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน แต่สูงเพียง 156 เซนติเมตร ไม่จำเป็นต้องมีภาษาที่สามหรือว่ายน้ำไม่เป็น ก็สามารถเป็นได้
นอกจากนี้ยังต้องผ่านการสอบภาษา อังกฤษที่เรียกว่า “โทอิค” (TOEIC) ได้ไม่น้อยกว่า 600 หรือ “โทเฟล” (TOEFL) ได้คะแนนไม่น้อยกว่า 500 คะแนน (นอกจากสอบข้อเขียนแล้วยังต้องสอบเก็บคะแนนสนทนาภาษาอังกฤษด้วย) ซึ่งสองส่วนนี้สมัครสอบได้ที่สถาบันภาษาเอยูเอ ถนนวิทยุ หรือจะไปสอบไอเอลต์ส (IELTS) กับสถาบันบริติช เคาน์ซิลของอังกฤษก็ได้
INCOME เงินเดือนเริ่มต้นของสายการบินไทยเริ่มต้นประมาณ 30,000 บาท สำหรับสายการบินตะวันออกกลาง เช่น EMIRATES หรือ QATAR AIRWAYS อยู่ที่ 40,000-50,000 บาท รวมค่าเดินทางต่อเที่ยวบินเที่ยวละไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท รวมแล้วรายได้ต่อเดือนเหยียบแสน ทั้งนี้แตกต่างกันไปตามสายการบินและรอบการเดินทางต่อเดือนว่าได้บินกี่ครั้ง แต่มีโอกาสเลื่อนขั้นน้อย เป็นได้เพียงหัวหน้าแอร์โอสเตสหรือเข้าไปรับผิดชอบงานในเที่ยวบินชั้น First Class เท่านั้น บางสายการบินแอร์โฮสเตสจะเกษียณอายุราว 40-60 ปี ดังนั้น การสมัครเข้าสายการบินไหนต้องสอบถามทางบริษัทก่อน
ถ้าทำเพื่อความสนุกแบบขุดทองไม่เกิน 5 ปี สามารถย้ายไปทำอาชีพเลขานุการ พนักงานขาย หรือพนักงานโรงแรมได้ เงินเดือนที่ได้มาอาจต้องแลกกับเวลาส่วนตัวที่เหลือน้อยลง จนถึงปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะเวลาพักผ่อนไม่ปกติ ทั้งยังเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง ถ้าทำหลายปีแล้วเลิกอาจไม่มีอาชีพที่เหมาะสมรองรับ เพราะเงินเดือนน้อยกว่าเดิมมากจนถึงขั้นทำใจไม่ได้
ที่มา : เว็บไซต์ pattanakit

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

""">_<""""!!


 

       Nudy>_<""

โทรศัพท์มือถือ

  โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย

     การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย

 
ยุคแรก 1G
  • ปี พ.ศ. 2529 องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชื่อในขณะนั้น) ได้เริ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยนำระบบ NMT (Nordic Mobile Telephone System) ซึ่งมีให้บริการในประเทศแถบสแกนดิเนเวียน แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องความถี่ในการนำมาให้บริการจาก ความถี่ 450MHz เป็น 470MHz จึงเป็นที่มาของชื่อระบบ NMT470 ซึ่งนับเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบแรกของประเทศไทย ระยะแรกให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ปริมลฑลและจังหวัดชายฝั่งด้านตะวันออก ก่อนขยายบริการไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา ลักษณะของเครื่องลูกข่ายของระบบ NMT470 จะมีลักษณะเป็นกระเป๋าหิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 1-5 กิโลกรัม ยังไม่ได้มีลักษณะเป็นแบบมือถือเช่นปัจจุบัน บางครั้งผู้ใช้จึงเรียกว่าโทรศัพท์กระเป๋าหิ้ว
  • ปี พ.ศ. 2530 การสื่อสารแห่งประเทศไทย (ชื่อในขณะนั้น) ได้นำระบบ AMPS (Advance Mobile Phone System) ความถี่ 800MHz มาให้บริการ โดยคุณลักษณะเด่นของระบบ AMPS800 คือเครื่องลูกข่ายที่มีขนาดเล็ก สามารถถือไปมาได้โดยสะดวก จึงได้รับความนิยมมากและเป็นที่มาของโทรศัพท์มือถือ ระบบ ANPS800 เริ่มให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ก่อนขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ แต่การให้บริการระยะแรกไม่ได้เรียกผ่านรหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่ (รหัส 01) แต่ต้องทำการเรียกผ่านหมวดเลขหมายของพื้นที่กรุงเทพฯ จึงทำให้ผู้ใช้บริการต้องเสียค่าโทรทั้งการโทรออกและรับสาย    การกำหนดรหัสเรียกเข้าระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย
  • ในปี พ.ศ. 2529 ที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้เริ่มให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ NMT470 เป็นครั้งแรกในประเทศไทยนั้น ได้กำหนดรหัสสำหรับการเรียกเข้าสู่ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นการเฉพาะขึ้น นอกเหนือจากรหัสทางไกลสำหรับโทรไปยังภูมิภาคต่างๆ รหัสที่กำหนดคือ 01 ซึ่งผู้ที่ต้องการติดต่อหรือโทรเข้ายังระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องใส่รหัส 01 หน้าเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 7 หลัก ซึ่งใช้สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขององค์การโทรศัพท์และบริษัทผู้รับสัมปทานของทศท. แต่ผู้ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของการสื่อสารแห่งประเทศไทยและบริษัทที่รับสัมปทานของกสท.จะต้องเรียกเลขหมายซึ่งขึ้นต้นด้วย 02 เหมือนเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐาน ต่อมาจึงได้ปรับให้มีการใช้เลขหมาย 01 เช่นกัน
  • ต่อมาในปี พ.ศ. 2544มีการขยายตัวของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นจำนวนมาก องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้มีการปรับระบบเลขหมายโทรศัพท์ (Numbering Plan) ใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศ จากการเรียกเลขหมายในกลุ่มเดียวกันที่ไม่ต้องใช้เลขหมายทางไกล(กลุ่ม)มาเป็นใส่เลขหมายทางไกลนำหน้าของโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ เขตนครหลวง รหัสทางไกล 02 และเลขหมาย 7 หลักจาก (02) xxx-xxxx เป็น 0-2XXX-XXXX กลุ่มภาคกลางเขต 1 รหัสทางไกล 032 และเลขหมาย 6 หลักจาก (032) XXX-XXX เป็น 0-32XX-XXXX เป็นต้น และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีรหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่ 01 มาเป็นการเรียก 01นำหน้าเลขหมาย 7 หลัก มาเป็น 0-1XXX-XXXX
พร้อมกันนี้ก็ได้เพิ่มกลุ่มเลขหมายเคลื่อนที่อีกหนึ่งกลุ่มคือ 09 ซึ่งเลขหมายเป็น 0-9XXX-XXXX แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการเปิดใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงได้มีการเพิ่มกลุ่มเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่ม 06 ซึ่งมีเลขหมายเป็น 0-6XXX-XXXX
  • หลังจากมีการต้องคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ การกำหนดเลขหมายจึงอยู่ในอำนาจของกทช. กทช.จึงได้นำเลขหมายที่ยังไม่เปิดใช้บริการในกลุ่มโทรศัพท์พื้นฐานจากองค์การโทรศัพท์มาจัดสรรให้กับผู้ให้บริการเพื่อออกเลขหมายแก่ผู้ใช้บริการในหลักที่ 3 ของเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานในส่วนภูมิภาค เป็น 0, 1, 3 เช่น 0-30XX-XXXX, 0-33XX-XXXX,0-40XX-XXXX, 0-41XX-XXXX,0-46XX-XXXX,0-47XX-XXXX, 0-48XX-XXXX, 0-49XX-XXXX, 0-50XX-XXXX, 0-51XX-XXXX, 0-70XX-XXXX, 0-71XX-XXXX, 0-72XX-XXXX, 0-78XX-XXXX,0-79XX-XXXX ซึ่งเป็นเลขหมายที่ยังไม่ได้เปิดใช้ในขณะนั้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้เลขหมายในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่
  • พ.ศ. 2547 คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จึงได้มีการจัดทำแผนการปรับระบบเลขหมายโทรศัพท์ (Numbering Plan) โดยมีนโยบายเพิ่มหลักในเลขหมาย 1 หลักในเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรศัพท์ประจำที่(พื้นฐาน) โดยเพิ่มหลักหลังเลข 0 ด้วย เลข 8 ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งจะได้เป็น 08-XXXX-XXXX และเพิ่มเลข 8 ก่อนเลข 0 ของเลขหมายประจำที่ ซึ่งจะได้เป็น 80-XXXX-XXXX ซึ่งหลักที่ 2-10 ก็จะเป็นเลขหมายเดิมของโทรศัพท์พื้นฐาน ในขณะเดียวกันองค์การโทรศัพท์ (บริษัททีโอที จำกัด มหาชน)จึงได้นำเลขหมายในกลุ่มพื้นฐานที่ยังไม่เปิดใช้ให้แก่ สกทช.ไปจัดสรรเพิ่มเติม ได้แก่ 0-20XX-XXXX, 0-320X-XXXX, 0-328X-XXXX, 0-329X-XXXX, 0-340X-XXXX เป็นต้น ซึ่งก็เป็นการบรรเทาการขาดแคลนเลขหมายโทรคมนาคมเป็นการชั่วคราว
  • พ.ศ. 2549 คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติจึงได้มีการประกาศขยายเลขหมาย โดยเพิ่มหลักจำนวน 1 หลัก ด้วยเลข 8 หลังเลข 0 จาก 0-XXXX-XXXX เป็น 08-XXXX-XXXX แต่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติก็ไม่ได้เพิ่มหลักในเลขหมายโทรศัพท์ประจำที่ ที่ใช้ระบบชุมสาย (โทรศัพท์พื้นฐาน)ซึ่งไม่มีการเพิ่มหลักในหลักแรกด้วยเลข 8 (80-XXXX-XXXX)แต่อย่างใดตามที่เคยมีประกาศแผนในปี พ.ศ. 2547 จึงมีเลขหมายแหมือนเดิมป็น 0-XXXX-XXXX โดย 0-2XXX-XXXX เป็นเลขหมายในเขตนครหลวง (กรุงเทพมหานคร,จังหวัดสมุทรปราการ, จังหวัดนนทบุรี, จังหวัดปทุมธานี ) 0-32XX-XXXX ภาคกลางเขต 1 (จังหวัดราชบุรี, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) เป็นต้น ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

 ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย

ให้บริการระบบ NMT470 (ปัจจุบันปรับระบบไปใช้เป็นโครงข่าย โทรศัพท์สาธารณะเคลื่อนที่ และใช้เป็นระบบโทรศัพท์เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในเขตนอกข่ายสายและถิ่นทุรกันดาร โดยใช้เป็นโทรศัพท์ประจำที่ติดตั่งภายในอาคาร มีสายอากาศรับสัญญาณ ภายหลัง พ.ศ. 2551 จึงได้ปรับระบบเป็น CDMA 2001X<ref>http://www.tot.co.th/index.php?option=com_linkcontent&categoryid=86&Itemid=124&lang=th</ref> ) ให้บริการระบบ 3G บนโครงข่าย HSPA บนความถี่ 1900MHz(ความถี่ ThaiMobile เดิม) และความถี่ 2100MHz(ความถี่ทดลอง) ในชื่อ TOT3G ในพื้นที่ กทม.
เจ้าของโครงข่าย และให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครือข่าย ในระบบ 3G บนเทคโนโลยี CDMA 2000 1x EV-DO ภายใต้ชื่อ "CATCDMA" สำหรับบริการทางเสียงและ SMS ของ CAT CDMA ใช้งานได้ 77 จังหวัดทั่วประเทศ สำหรับบริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูล ใช้งานได้ 52 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน ชัยนาท นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ อำนาจเจริญ หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฏร์ธานี สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส<ref>http://www.catcdma.com</ref> และให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 850 MHz ภายใต้ชื่อ "มาย" (My) เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ปัจจุบันเปิดให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด<ref>http://www.tjinnovation.com</ref>
รับสัมปทานให้บริการระบบ NMT900 จาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในชื่อ CELLULAR 900 (ปัจจุบันยกเลิกการให้บริการแล้ว) ปัจจุบันให้บริการระบบ GSM บนความถี่ 900MHz โดยรับสัมปทานจาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในชื่อ GSM Advance และ One-2-Call GSM Advance และ One-2-Call ให้บริการทางเสียงและสื่อสารข้อมูล ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด บนเทคโนโลยี EDGE/GPRS ความถี่ 900 MHz และ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 900 MHz ปัจจุบันทดลองให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูล 4G บนเทคโนโลยี LTE โดยร่วมกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ทดสอบระบบในกรุงเทพฯ (บริเวณถนนพระรามที่ 1) ตั้งแต่หน้ามาบุญครองถึงเซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงบริเวณแจ้งวัฒนะในพื้นที่กระทรวงไอซีที ศูนย์ราชการ และสำนักงานทีโอที ใช้ย่านความถี่ 2300 MHz แบบ Time Division Duplex (TDD) ที่แบนด์วิดท์ 20 MHz จะทดสอบการให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง (BWA) มีสถานีฐานทั้งหมด 20 แห่ง <ref>http://www.ais.co.th</ref>
ให้บริการในระบบ GSM บนความถี่ 1800 MHz ภายใต้ชื่อ GSM1800 โดยรับสัมปทานจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (ผ่านการซื้อกิจการของ บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด ซึ่งเป็นโครงข่ายในชื่อการค้า Hello เดิม) เปิดให้บริการทางเสียงและสื่อสารข้อมูล บนเทคโนโลยี EDGE/GPRS ความถี่ 1800 MHz ปัจจุบันทดลองให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูล 4G บนเทคโนโลยี LTE โดยร่วมมือกับ บมจ.กสท โทรคมนาคม ทดสอบระบบ 4G ในจังหวัดมหาสารคาม บริเวณมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ใช้ความถี่ 1800 MHz แบบ Frequency Division Duplex (FDD) ที่แบนด์วิดท์ 10 MHz มีสถานีฐานทั้งหมด 8 แห่ง
รับสัมปทานให้บริการระบบ AMPS 800 Band-B จาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในชื่อ Wordphone 800 (ปัจจุบันยกเลิกการให้บริการแล้ว) รับสัมปทานให้บริการระบบ GSM บนความถี่ 1800 MHz จากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในชื่อ Wordphone 1800 ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "ดีแทค" (DTAC) ในระบบจดทะเบียน และ "แฮปปี้" (Happy) ในระบบเติมเงิน ดีแทคให้บริการทางเสียงและสื่อสารข้อมูล ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด บนเทคโนโลยี EDGE/GPRS ความถี่ 1800 MHz และ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 850 MHz ปัจจุบันกำลังทดลองให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูล 4G บนเทคโนโลยี LTE
รับสัมปทานให้บริการระบบ GSM บนความถี่ 1800 MHz จากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันให้บริการ 3G บนโครงข่าย HSPA ความถี่ 850 MHz ในบริเวณบางพื้นที่ของ กทม. และ พัยา เชียงใหม่ ภูเก็ต <ref>http://www.truemove.com/th/service-3g-3.html</ref> สัมปทานจะสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2556
ผู้ขายต่อบริการ (Reseller) ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA ในความถี่ 850 MHz และบริการ 3G ในเชิงพาณิชย์ ภายใต้ชื่อ “ทรูมูฟ เอช” (Truemove H) ให้บริการทางเสียงและสื่อสารข้อมูล ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด <ref>http://www.truemove-h.com</ref>
ตัวแทนผู้ให้บริการด้านการตลาด โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA20001x ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ 25 จังหวัดจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ฮัทช์ (HUTCH) ปัจจุบันกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่นและกสท. โดยบริษัทเรียล มูฟ จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการและโครงข่าย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ของบริษัท ฮัทชิสัน ไวร์เลส มัลติมีเดีย โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ HWMH และ บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด หรือ BFKT
เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยการลงทุนร่วมกันระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการระบบ GSM บนความถี่ 1900MHz ในพื้นที่ กทม. แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการให้บริการ ต่อมาบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ทำการซื้อหุ้นจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) 49% กลับมาทั้งหมด เพื่อต้องการให้ได้สิทธิ์ในการบริหารและสิทธิ์การให้บริการ เพื่อนำความถี่ GSM1900 MHz มาพัฒนาระบบระบบ 3G (ปัจจุบันได้ให้บริการระบบ 3G ในความถี่นี้แล้ว และได้ยกเลิกระบบ GSM1900 ในระบบ 2.75G

 

 

ความรูู้เกี่ยวกับ ASEAN ว่ามีอะไรกันบ้าง?

ASEANasean_564
asean flags2
"One Vision, One Identity, One Community"หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งอัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม
800px-flag_of_asean_svg




asean_2510
กำเนิดอาเซียน
อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งได้มีการลงนามที่วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ซึ่งผู้แทนทั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วยนายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย) ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย) นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์) นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศสิงค์โปร์) และพันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย)
      
 ในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม (เป็นสมาชิกเมื่อ 8 ม.ค.2527) เวียดนาม (วันที่ 28 ก.ค. 2538) สปป.ลาว พม่า (วันที่ 23 ก.ค. 2540) และ กัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกล่าสุด (วันที่ 30 เม.ย. 2542) ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ
 
  วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน คือ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก
สัญลักษณ์ของอาเซียน คือ รูปรวงข้าว สีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลม สีขาวและสีน้ำเงิน
รวงข้าว 10 ต้น หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ
สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและการมีพลวัติ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ 
สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
 
กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter)
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2550 ที่ประเทศสิงค์โปร์ ผู้นำอาเซียนได้ลงนามในกฎบัตร อาเซียนซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญของอาเซียนที่จะวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียน ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558 (ค.ศ. 2015) ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ตกลงกันไว้ โดยวัตถุประสงค์ของกฎบัตรอาเซียน คือ ทำให้อาเซียนเป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเคารพกฎกติกาในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ กฎบัตรจะให้สถานะนิติบุคคลแก่อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (Intergovernmental Organization)
 
กฎบัตรอาเซียน ประกอบด้วยข้อบทต่าง ๆ 13 บท 55 ข้อ มีประเด็นใหม่ที่แสดงความก้าวหน้าของอาเซียน ได้แก่
(1) การจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียน (2) การให้อำนาจเลขาธิการอาเซียนสอดส่องและรายงานการทำตามความตกลงของรัฐสมาชิก (3) การจัดตั้งกลไกสำหรับการระงับข้อพิพาทต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิก (4) การให้ผู้นำเป็น ผู้ตัดสินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อรัฐผู้ละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรฯ อย่างร้ายแรง (5) การเปิดช่องให้ใช้วิธีการอื่นในการตัดสินใจได้หากไม่มีฉันทามติ (6) การส่งเสริมการปรึกษาหารือกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อผลประโยชน์ร่วม (7) การเพิ่มบทบาทของประธานอาเซียนเพื่อให้อาเซียนสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที (8) การเปิดช่องทางให้อาเซียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรภาคประชาสังคมมากขึ้น และ (9) การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ให้มีการประชุมสุดยอดอาเซียน 2 ครั้งต่อปี จัดตั้งคณะมนตรีเพื่อประสานความร่วมมือในแต่ละ 3 เสาหลัก และการมีคณะกรรมการผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการประชุมของอาเซียน เป็นต้น
กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 หลังจากที่ประเทศสมาชิกครบทั้ง 10 ประเทศ ได้ให้สัตยาบันกฎบัตร และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 ที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นการประชุมระดับผู้นำอาเซียนครั้งแรกหลังจากกฎบัตรมีผลบังคับใช้
ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community)

ประชาคมอาเซียนประกอบด้วยความร่วมมือ 3 เสาหลัก คือ
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community–APSC)
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community–AEC)
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community–ASCC)
 
1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
(ASEAN Political and Security Community – APSC)

มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค เพื่อให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และสามารถแก้ไขปัญหาและความขัดแย้ง โดยสันติวิธี อาเซียนจึงได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community Blueprint) โดยเน้นใน 3 ประการ คือ
1) การมีกฎเกณฑ์และค่านิยมร่วมกัน ครอบคลุมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะร่วมกันทำเพื่อสร้างความเข้าใจในระบบสังคมวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่แตกต่างของประเทศสมาชิก ส่งเสริมพัฒนาการทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หลักการประชาธิปไตย การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม การต่อต้านการทจริต การส่งเสริมหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล เป็นต้น
2) ส่งเสริมความสงบสุขและรับผิดชอบร่วมกันในการรักษาความมั่นคงสำหรับประชาชนที่ครอบคลุมในทุกด้านครอบคลุมความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในรูปแบบเดิม มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและการระงับข้อพิพาท โดยสันติเพื่อป้องกันสงครามและให้ประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ด้วยกัน โดยสงบสุขและไม่มีความหวาดระแวง และขยายความร่วมมือเพื่อต่อต้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและจัดการภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ
3) การมีพลวัตและปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก เพื่อเสริมสร้างบทบาทของอาเซียนในความร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น กรอบอาเซียน+3 กับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ตลอดจนความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับมิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ
 
2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Political-Security Community-AEC)
มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้อาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตเดียวกันและมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี อาเซียนได้จัดทำแผนงาน การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Blueprint) ซึ่งเป็นแผนงานบูรณาการการดำเนินงานในด้านเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ 4 ด้าน คือ
 
1) การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base) โดยจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีมากขึ้น
2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น นโยบายการแข่งขัน การคุ้มครองผู้บริโภค สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (การเงิน การขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ และพลังงาน)
3) การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค ให้มีการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการเสริมสร้างขีดความสามารถผ่านโครงการต่าง ๆ
4) การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาคเพื่อให้อาเซียนมีท่าทีร่วมกันอย่างชัดเจน
3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
(ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC)
อาเซียนได้ตั้งเป้าเป็นประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในปี 2558 โดยมุ่งหวังเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีสังคมที่เอื้ออาทรและแบ่งปัน ประชากรอาเซียนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและมีการพัฒนาในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน (ASEAN Identity) เพื่อรองรับการเป็นประชาคมสังคม และวัฒนธรรมอาเซียน โดยได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community Blueprint)ซึ่งประกอบด้วยความร่วมมือใน 6 ด้าน ได้แก
 
1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

2) การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม

3) สิทธิและความยุติธรรมทางสังคม

4) ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

5) การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน

6) การลดช่องว่างทางการพัฒนา

ทั้งนี้โดยมีกลไกการดำเนินงาน ได้แก่ การประชุมรายสาขาระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรีและคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
สาระสำคัญของปฏิญญาชะอำ-หัวหิน ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือ
 
ด้านการศึกษาเพื่อบรรลุประชาคมอาเซียนที่เอื้ออาทรและแบ่งปันปฏิญญาชะอำ-หัวหินว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อบรรลุประชาคมอาเซียนที่เอื้ออาทรและแบ่งปัน เน้นย้ำถึงบทบาทของการศึกษาในการสร้างประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558 อันประกอบด้วย 3 เสาหลัก ดังนี้
 
1. บทบาทของภาคการศึกษาในเสาการเมืองและความมั่นคง
สนับสนุนความเข้าใจและความตระหนักรับรู้เรื่องกฎบัตรอาเซียนให้มากขึ้นโดยผ่านหลักสูตรอาเซียน ในโรงเรียนและเผยแพร่กฎบัตรอาเซียนที่แปลเป็นภาษาต่างๆ ของชาติ ในอาเซียนให้เน้นในหลักการแห่งประชาธิปไตยให้มากขึ้น เคารพในสิทธิมนุษยชนและค่านิยมในเรื่องแนวทางที่สันติภาพในหลักสูตรของโรงเรียนสนับสนุน ความเข้าใจและความตระหนักรับรู้ในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณีและความเชื่อในภูมิภาคในหมู่อาจารย์ผ่านการฝึกอบรม โครงการแลกเปลี่ยน และการจัดตั้งข้อมูลพื้นฐานออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องนี้จัดให้มีการประชุมผู้นำโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอในฐานะที่เป็นพื้นฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคอาเซียนที่หลากหลาย การสร้างศักยภาพและเครือข่าย รวมทั้งยอมรับการดำรงอยู่ของเวทีโรงเรียนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia School Principals’ Forum: SEA-SPF)
 
2. บทบาทของภาคการศึกษาในเสาเศรษฐกิจ
พัฒนาพัฒนากรอบทักษะภายในประเทศของแต่ละประเทศสมาชิกเพื่อช่วยสนับสนุนการมุ่งไปสู่การจัดทำการยอมรับทักษะในอาเซียนสนับสนุนการขับเคลื่อนของนักเรียนนักศึกษาให้ดีขึ้นโดยการพัฒนาบัญชีรายการระดับภูมิภาคของอุปกรณ์สารนิเทศด้านการศึกษาที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจัดหาได้สนับสนุนการเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือในภูมิภาคอาเซียน โดยผ่านกลไกความร่วมมือในระดับภูมิภาคระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งจะต้องดำเนินควบคู่ไปกับความพยายามในการปกป้องและปรับปรุงมาตรฐานทางด้านการศึกษาและวิชาชีพพัฒนามาตรฐานด้านอาชีพบนพื้นฐานของความสามารถในภูมิภาคอาเซียนโดยมุ่งไปที่การสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก และเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมโดยประสานกับกระบวนการกรอบการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านแรงงาน
3. บทบาทของภาคการศึกษาในเสาสังคมและวัฒนธรรม
พัฒนาเนื้อหาสาระร่วมในเรื่องอาเซียนสำหรับโรงเรียนเพื่อใช้เป็นตัวอ้างอิงสำหรับการฝึกอบรมและการสอนของครูอาจารย์เสนอให้มีหลักสูตรปริญญาด้านศิลปวัฒนธรรมอาเซียนในมหาวิทยาลัยเสนอให้มีภาษาประจำชาติอาเซียน ให้เป็นภาษาต่างประเทศวิชาเลือกในโรงเรียนสนับสนุนโครงการระดับภูมิภาคที่มุ่งเน้นที่การส่งเสริมการตระหนักรับรู้เกี่ยวกับอาเซียนให้แก่เยาวชนรับรองการมีอยู่ของโครงการอื่นๆ เช่น การนำเที่ยวโรงเรียนอาเซียน โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาอาเซียน การประชุมเยาวชนอาเซียนด้านวัฒนธรรม การประชุมสุดยอดเยาวชนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยอาเซียน การประชุมเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน และการประกวดสุนทรพจน์ระดับเยาวชน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตในประเทศสมาชิกอาเซียนโดยการสนับสนุนการศึกษาสำหรับ
ทุกคนจัดให้มีการประชุมวิจัยทางด้านการศึกษาอาเซียนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการวิจัยและพัฒนาในภูมิภาคให้เป็นเวทีสำหรับนักวิจัยจากประเทศสมาชิกเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นและเรื่องที่เกี่ยวข้องของภูมิภาคสนับสนุนความเข้าใจและการตระหนักรับรู้ในประเด็นและเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียนโดยการบูรณาการให้อยู่ในหลักสูตรในโรงเรียน และการมอบรางวัลโรงเรียนสีเขียวอาเซียนเฉลิมฉลองวันอาเซียน (วันที่ 8 สิงหาคม)ในโรงเรียนโดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การร้องเพลงชาติอาเซียน การจัดการแข่งขันเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอาเซียนการจัดแสดงเครื่องหมาย และสัญลักษณ์อื่นๆ ของอาเซียน การจัดค่ายเยาวชนอาเซียน เทศกาลเยาวชนอาเซียนและวันเด็กอาเซียนเห็นชอบที่จะเสนอในรัฐสมาชิกอาเซียน
แบ่งปันทรัพยากรแก่กัน และพิจารณาการจัดตั้งกองทุนพัฒนาด้านการศึกษาของภูมิภาคเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเพียงพอในการปฏิบัติการต่าง ๆได้ตามที่ได้รับการเสนอแนะมามอบหมายให้ องค์กรระดับรัฐมนตรีรายสาขาของอาเซียนเกี่ยวข้องและเลขาธิการอาเซียนดำเนินการปฏิบัติตามปฏิญญานี้โดยการให้แนวทางและสนับสนุนแผน 5 ปีของอาเซียนว่าด้วยเรื่องการศึกษา
รวมทั้งข้อตกลงในการควบคุมดูแลที่ได้รับการสนับสนุนโดยคณะกรรมการผู้แทนถาวรและรายงานต่อที่ประชุม สุดยอดอาเซียนเป็นประจำผ่านคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนทราบผลการคืบหน้าของการดำเนินการปฏิญาณว่าความมุ่งมั่นและข้อผูกพันของผู้นำอาเซียนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาเพื่อให้เกิดประชาคมอาเซียนที่มีการเคลื่อนไหวประชาคมที่มีความเชื่อมโยงกันและประชาคมของประชาชนอาเซียนและเพื่อประชาชนอาเซียน
นโยบายกระทรวงศึกษาธิการในการดำเนินการด้านการศึกษาตามปฏิญญาชะอำ-หัวหิน ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อบรรลุประชาคมอาเซียนที่เอื้ออาทรและแบ่งปัน
จากการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการศึกษาในอาเซียนสู่การบรรลุเป้าหมายการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2558 เมื่อวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2553 ณ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน และผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ผู้อำนวยการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนและผู้แทนกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบร่างนโยบายเพื่อดำเนินงานตามปฏิญญาชะอำ-หัวหินด้านการศึกษา จำนวน 5 นโยบาย ดังนี้
นโยบายที่ 1 การเผยแพร่ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร และเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน เพื่อสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมของครูคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558 นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวประชาคมอาเซียน เช่น ความรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะและความชำนาญการที่สอดคล้องกับการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม และการเพิ่มโอกาสในการหางานทำของประชาชน รวมทั้งการพิจารณาแผนผลิตกำลังคน นโยบายที่ 3 การพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษาและครูอาจารย์ในอาเซียน รวมทั้งเพื่อให้มีการยอมรับในคุณสมบัติทางวิชาการร่วมกันในอาเซียน การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และการแลกเปลี่ยนเยาวชน การพัฒนาระบบการศึกษาทางไกล ซึ่งช่วยสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิต การส่งเสริมและปรับปรุงการศึกษาด้านอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมทางอาชีพ ทั้งในขั้นต้นและขั้นต่อเนื่อง ตลอดจนส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของประเทศสมาชิกของอาเซียน นโยบายที่ 4 การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียนเพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนประกอบด้วย การจัดทำความตกลงยอมรับร่วมด้านการศึกษา การพัฒนาความสามารถ ประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพสำคัญต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดเสรีการศึกษาควบคู่กับการเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงาน
นโยบายที่ 5 การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
ประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Member States)
flag-brunei-darussalam
เนการาบรูไนดารุสซาลาม : Negara Brunei Darussalam
การปกครอง : สมบูรณาญาสิทธิราชย์

ประมุข : สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาเลาะห์

เมืองหลวง : บันดาร์เสรีเบกาวัน

ภาษาราชการ : ภาษามาเลย์, ภาษาอาหรับ

หน่วยเงินตรา : บรูไนดอลลาร์

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofat.gov.bn
flag-cambodia
ราชอาณาจักรกัมพูชา : Kingom of Cambodia
การปกครอง : ระบอบประชาธิปไตย

ประมุข : พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี

เมืองหลวง : กรุงพนมเปญ

ภาษาราชการ : ภาษาเขมร

หน่วยเงินตรา : เรียล

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mfaic.gov.kh
flag-indonesia
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย : Republic of Indonesia
การปกครอง : ระบอบสาธารณรัฐแบบประชาธิปไตย

ประมุข : พลโทซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน

เมืองหลวง : กรุงจาการ์ตา

ภาษาราชการ : ภาษาบาร์ฮาซา, ภาษาอินโดนีเซีย

หน่วยเงินตรา : รูเปียห์

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.kemlu.go.id
flag-lao_pdr
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว : The Loa People's Democratic Republic
การปกครอง : ระบอบสังคมนิยม

ประมุข : พลโทจูมมะลี ไซยะสอน

เมืองหลวง : นครหลวงเวียงจันทน์

ภาษาราชการ : ภาษาลาว

หน่วยเงินตรา : กีบ

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofa.gov.la


flag-malaysia
มาเลเซีย : Malaysia
การปกครอง : สหพันธรัฐ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุข

ประมุข : สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซอม ซาร์

เมืองหลวง : กรุงกัวลาลัมเปอร์

ภาษาราชการ : ภาษามาเลย์

หน่วยเงินตรา : ริงกิต

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.kln.gov.my
flag-myanmar
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ : Republic of the Union of the Myanmar
การปกครอง : ระบบประธานาธิบดี

ประมุข : พลเอกเต็ง เส่ง

เมืองหลวง : นครเนปิดอร์

ภาษาราชการ : ภาษาพม่า

หน่วยเงินตรา : จั๊ต

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofa.gov.mm
flag-philippines
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ : Republic of the Philippine
การปกครอง : สาธารณรัฐเดี่ยวระบบประธานาธิบดี

ประมุข : เบนิกโน อากีโน ที่ 3

เมืองหลวง : กรุงมะลิลา

ภาษาราชการ : ภาษาตากาล๊อก, ภาษาอังกฤษ

หน่วยเงินตรา : เปโซ

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.dfa.gov.ph
flag_singapore
สาธารณรัฐสิงคโปร์ : Republic of Singapore
การปกครอง : ระบบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุข

ประมุข : โทนี ตัน เค็ง ยัม

เมืองหลวง : สิงคโปร์

ภาษาราชการ : ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีนกลาง, ภาษามาเลย์, ภาษาทมิฬ

หน่วยเงินตรา : ดอลล่าร์สิงคโปร์

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mfa.gov.sg
 
 
flag-thailand
ราชอาณาจักรไทย : Kingdom of Thailand
การปกครอง : ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ประมุข : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เมืองหลวง : กรุงเทพมหานคร

ภาษาราชการ : ภาษาไทย

หน่วยเงินตรา : บาท

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mfa.go.th
flag-vietnam
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม : Socialist Republic of Vietnam
การปกครอง : ระบอบสังคมนิยมเวียดนาม

ประมุข : เจือง เติ๋น ซาง

เมืองหลวง : กรุงฮานอย

ภาษาราชการ : ภาษาเวียดนาม

หน่วยเงินตรา : ด่อง

เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofa.gov.vn
 


ถาม-ตอบ เกี่ยวกับอาเซียน
ASEAN ย่อมาจากอะไร
- Association of Southeast Asian Nations หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อาเซียนเริ่มก่อตั้งครั้งแรกประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมดกี่ประเทศ ประเทศใดบ้าง
- 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
ปัจจุบันอาเซียน ประกอบด้วยประเทศใดบ้าง
- กัมพูชา ฟิลิปปินส์ บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ลาว
อาเซียน+3 ประกอบด้วยประเทศใดบ้าง
- กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศ จีน เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น
อาเซียน+6 ประกอบด้วยประเทศใดบ้าง
- กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ กลุ่มประเทศ+3 และประเทศออสเตรเลีย อินเดีย และนิวซีแลนด์
คำขวัญอาเซียน มีว่าอย่างไร
- หนึ่งวิสัยทัศน์, หนึ่งอัตลักษณ์, หนึ่งประชาคม (One Vision, One Identity, One Community)
ใครคือเลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน
- ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ
สัญลักษณ์อาเซียนสื่อความหมายใดบ้าง
asean_564
รูปรวงข้าวสีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลมวีขาวและสีน้ำเงินรวงข้าว 10 ต้น มัดรวมกันไว้ หมายถึง ประเทศสมาชิกรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน

สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ และความก้าวหน้า
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน ประกอบด้วยความร่วมมือด้านใดบ้าง
1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) ตั้งอยู่ที่ใด
- กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
อาเซียนตั้งเป้าหมายที่บรรลุประชาคมอาเซียนโดยสมบูรณ์ในปีใด
- ปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015)
กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
- กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) คือ ธรรมนูญอาเซียนที่จะมีการวางกรอบของกฎหมายและโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียนในการขับเคลื่อนเพื่อการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี 2015 (พ.ศ.2558) เพื่อให้อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลในภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและเคารพในกติกาการทำงานระหว่างกันมากยิ่งขึ้น