การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย
ยุคแรก 1G
- ปี พ.ศ. 2529 องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชื่อในขณะนั้น) ได้เริ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยนำระบบ NMT (Nordic Mobile Telephone System) ซึ่งมีให้บริการในประเทศแถบสแกนดิเนเวียน แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องความถี่ในการนำมาให้บริการจาก ความถี่ 450MHz เป็น 470MHz จึงเป็นที่มาของชื่อระบบ NMT470 ซึ่งนับเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบแรกของประเทศไทย ระยะแรกให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ปริมลฑลและจังหวัดชายฝั่งด้านตะวันออก ก่อนขยายบริการไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา ลักษณะของเครื่องลูกข่ายของระบบ NMT470 จะมีลักษณะเป็นกระเป๋าหิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 1-5 กิโลกรัม ยังไม่ได้มีลักษณะเป็นแบบมือถือเช่นปัจจุบัน บางครั้งผู้ใช้จึงเรียกว่าโทรศัพท์กระเป๋าหิ้ว
- ปี พ.ศ. 2530 การสื่อสารแห่งประเทศไทย (ชื่อในขณะนั้น) ได้นำระบบ AMPS (Advance Mobile Phone System) ความถี่ 800MHz มาให้บริการ โดยคุณลักษณะเด่นของระบบ AMPS800 คือเครื่องลูกข่ายที่มีขนาดเล็ก สามารถถือไปมาได้โดยสะดวก จึงได้รับความนิยมมากและเป็นที่มาของโทรศัพท์มือถือ ระบบ ANPS800 เริ่มให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ก่อนขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ แต่การให้บริการระยะแรกไม่ได้เรียกผ่านรหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่ (รหัส 01) แต่ต้องทำการเรียกผ่านหมวดเลขหมายของพื้นที่กรุงเทพฯ จึงทำให้ผู้ใช้บริการต้องเสียค่าโทรทั้งการโทรออกและรับสาย การกำหนดรหัสเรียกเข้าระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย
- ในปี พ.ศ. 2529 ที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้เริ่มให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ NMT470 เป็นครั้งแรกในประเทศไทยนั้น ได้กำหนดรหัสสำหรับการเรียกเข้าสู่ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นการเฉพาะขึ้น นอกเหนือจากรหัสทางไกลสำหรับโทรไปยังภูมิภาคต่างๆ รหัสที่กำหนดคือ 01 ซึ่งผู้ที่ต้องการติดต่อหรือโทรเข้ายังระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องใส่รหัส 01 หน้าเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 7 หลัก ซึ่งใช้สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขององค์การโทรศัพท์และบริษัทผู้รับสัมปทานของทศท. แต่ผู้ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของการสื่อสารแห่งประเทศไทยและบริษัทที่รับสัมปทานของกสท.จะต้องเรียกเลขหมายซึ่งขึ้นต้นด้วย 02 เหมือนเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐาน ต่อมาจึงได้ปรับให้มีการใช้เลขหมาย 01 เช่นกัน
- ต่อมาในปี พ.ศ. 2544มีการขยายตัวของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นจำนวนมาก องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้มีการปรับระบบเลขหมายโทรศัพท์ (Numbering Plan) ใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศ จากการเรียกเลขหมายในกลุ่มเดียวกันที่ไม่ต้องใช้เลขหมายทางไกล(กลุ่ม)มาเป็นใส่เลขหมายทางไกลนำหน้าของโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ เขตนครหลวง รหัสทางไกล 02 และเลขหมาย 7 หลักจาก (02) xxx-xxxx เป็น 0-2XXX-XXXX กลุ่มภาคกลางเขต 1 รหัสทางไกล 032 และเลขหมาย 6 หลักจาก (032) XXX-XXX เป็น 0-32XX-XXXX เป็นต้น และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีรหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่ 01 มาเป็นการเรียก 01นำหน้าเลขหมาย 7 หลัก มาเป็น 0-1XXX-XXXX
- หลังจากมีการต้องคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ การกำหนดเลขหมายจึงอยู่ในอำนาจของกทช. กทช.จึงได้นำเลขหมายที่ยังไม่เปิดใช้บริการในกลุ่มโทรศัพท์พื้นฐานจากองค์การโทรศัพท์มาจัดสรรให้กับผู้ให้บริการเพื่อออกเลขหมายแก่ผู้ใช้บริการในหลักที่ 3 ของเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานในส่วนภูมิภาค เป็น 0, 1, 3 เช่น 0-30XX-XXXX, 0-33XX-XXXX,0-40XX-XXXX, 0-41XX-XXXX,0-46XX-XXXX,0-47XX-XXXX, 0-48XX-XXXX, 0-49XX-XXXX, 0-50XX-XXXX, 0-51XX-XXXX, 0-70XX-XXXX, 0-71XX-XXXX, 0-72XX-XXXX, 0-78XX-XXXX,0-79XX-XXXX ซึ่งเป็นเลขหมายที่ยังไม่ได้เปิดใช้ในขณะนั้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้เลขหมายในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่
- พ.ศ. 2547 คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จึงได้มีการจัดทำแผนการปรับระบบเลขหมายโทรศัพท์ (Numbering Plan) โดยมีนโยบายเพิ่มหลักในเลขหมาย 1 หลักในเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรศัพท์ประจำที่(พื้นฐาน) โดยเพิ่มหลักหลังเลข 0 ด้วย เลข 8 ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งจะได้เป็น 08-XXXX-XXXX และเพิ่มเลข 8 ก่อนเลข 0 ของเลขหมายประจำที่ ซึ่งจะได้เป็น 80-XXXX-XXXX ซึ่งหลักที่ 2-10 ก็จะเป็นเลขหมายเดิมของโทรศัพท์พื้นฐาน ในขณะเดียวกันองค์การโทรศัพท์ (บริษัททีโอที จำกัด มหาชน)จึงได้นำเลขหมายในกลุ่มพื้นฐานที่ยังไม่เปิดใช้ให้แก่ สกทช.ไปจัดสรรเพิ่มเติม ได้แก่ 0-20XX-XXXX, 0-320X-XXXX, 0-328X-XXXX, 0-329X-XXXX, 0-340X-XXXX เป็นต้น ซึ่งก็เป็นการบรรเทาการขาดแคลนเลขหมายโทรคมนาคมเป็นการชั่วคราว
- พ.ศ. 2549 คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติจึงได้มีการประกาศขยายเลขหมาย โดยเพิ่มหลักจำนวน 1 หลัก ด้วยเลข 8 หลังเลข 0 จาก 0-XXXX-XXXX เป็น 08-XXXX-XXXX แต่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติก็ไม่ได้เพิ่มหลักในเลขหมายโทรศัพท์ประจำที่ ที่ใช้ระบบชุมสาย (โทรศัพท์พื้นฐาน)ซึ่งไม่มีการเพิ่มหลักในหลักแรกด้วยเลข 8 (80-XXXX-XXXX)แต่อย่างใดตามที่เคยมีประกาศแผนในปี พ.ศ. 2547 จึงมีเลขหมายแหมือนเดิมป็น 0-XXXX-XXXX โดย 0-2XXX-XXXX เป็นเลขหมายในเขตนครหลวง (กรุงเทพมหานคร,จังหวัดสมุทรปราการ, จังหวัดนนทบุรี, จังหวัดปทุมธานี ) 0-32XX-XXXX ภาคกลางเขต 1 (จังหวัดราชบุรี, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) เป็นต้น ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย
- บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ให้บริการ 2 เครือข่ายคือ
เจ้าของโครงข่าย และให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครือข่าย ในระบบ 3G บนเทคโนโลยี CDMA 2000 1x EV-DO ภายใต้ชื่อ "CATCDMA" สำหรับบริการทางเสียงและ SMS ของ CAT CDMA ใช้งานได้ 77 จังหวัดทั่วประเทศ สำหรับบริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูล ใช้งานได้ 52 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน ชัยนาท นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ อำนาจเจริญ หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฏร์ธานี สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส<ref>http://www.catcdma.com</ref> และให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 850 MHz ภายใต้ชื่อ "มาย" (My) เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ปัจจุบันเปิดให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด<ref>http://www.tjinnovation.com</ref>
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส
- บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือ ดีพีซี ให้บริการ 1 เครือข่าย
- บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ปัจจุบันให้บริการ 1 เครือข่ายคือ
- บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ให้บริการ 1 เครือข่ายคือ
- บริษัท เรียลมูฟ จำกัด ให้บริการ 1 เครือข่ายคือ
ตัวแทนผู้ให้บริการด้านการตลาด โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA20001x ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ 25 จังหวัดจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ฮัทช์ (HUTCH) ปัจจุบันกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่นและกสท. โดยบริษัทเรียล มูฟ จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการและโครงข่าย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ของบริษัท ฮัทชิสัน ไวร์เลส มัลติมีเดีย โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ HWMH และ บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด หรือ BFKT
เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยการลงทุนร่วมกันระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการระบบ GSM บนความถี่ 1900MHz ในพื้นที่ กทม. แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการให้บริการ ต่อมาบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ทำการซื้อหุ้นจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) 49% กลับมาทั้งหมด เพื่อต้องการให้ได้สิทธิ์ในการบริหารและสิทธิ์การให้บริการ เพื่อนำความถี่ GSM1900 MHz มาพัฒนาระบบระบบ 3G (ปัจจุบันได้ให้บริการระบบ 3G ในความถี่นี้แล้ว และได้ยกเลิกระบบ GSM1900 ในระบบ 2.75G
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น