LCD LED และPlasma TV แตกต่างกันอย่างไร
- ทีวีในปัจจุบันมีออกมาหลากหลายรุ่น ให้เราได้เลือกซื้อหามาเป็นเจ้าของ ซึ่งแต่ล่ะแบบ ก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีของทีวีชนิดนั้นๆ โดยส่วนมากทีวีที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ก็จะเป็นพวก LCD LED และPlasma TV ดังนั้นเรามาดูดีกว่าว่ามันแตกต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อทีวีที่เหมาะสมกับตัวคุณ
LCD TV
- LCD ย่อมาจาก Liquid Crystal Display เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว คอยบิดตัวเป็นองศาเพื่อให้แสงจาก Black Light ซึ่งใช้หลอดไฟ CCFL หรือ Cold Cathode Fluorescent Lamp ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดผอมคล้ายๆหลอดกาแฟ ส่องลอดผ่านออกมาเป็นสีสันต่างๆ
1. ให้สีที่สว่างสดใส เหมาะกับการแสดงภาพกราฟฟิก เช่น วีดีโอเกมส์ การ์ตูน และสารคดี ฯลฯ
2. เหมาะกับการนำไปใช้เป็นจอมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์
3. เหมาะสำหรับห้องที่ไม่สามารถควบคุมแสงได้ เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก
1. ไม่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดี เนื่องจากมี Response Time เร็วที่สุดในขณะนี้เพียงแค่ 2 ms เท่านั้น
2. มีความเพี้ยนของสีเกิดขึ้น โดยเฉพาะ สีแดง โทนสีผิว สีท้องฟ้า และสีของน้ำทะเล
3. ไม่สามารถแสดงสีดำ ที่ดำสนิทได้เนื่องจาก แสงของ Backlight เปิดตลอดเวลาในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ ทำให้ฉากสีดำเป็นดำสว่าง ไม่ใช่ดำสนิท อย่างที่ควรจะเป็น
LED TV
- LED ย่อมาจาก Light Emitting Diode เป็นหลอดไฟขนาดเล็กจิ๋ว ได้แก่ หลอดไฟฉาย ไฟแสดงสถานะของทีวีรุ่นใหม่ ซึ่งใช้หลอด LED เป็นตัวกำเนิดแสง แทนหลอด CCFL แต่จอแสดงผลภาพยังคงเป็น LCD รูปแบบทีวีผสมอย่างนี้เราจะเรียกว่า Edge LED และFull LED ส่วน Direct Led จะใช้หลอด LED ในการแสดงผลภาพทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องมี Backlight
1. ลักษณะจอมีขนาดที่บางกว่า LCD และPlasma TV
2. ความสว่างและสีสันค่อนข้างสดกว่า จึงทำให้ LED TV สามารถสู้แสงสว่างมากๆได้
3. ปัจจุบันมีเทคโนโลยี (with local dimming) จึงทำให้มีคอนทราสต์ที่สูงกว่า และทำให้เห็นมิติของภาพได้ดีกว่า
4. อัตราการกินไฟน้อยกว่าจอ LCD และPlasma TV
1. ราคาที่แพงกว่า LCD และPlasma TV แต่อนาคตอันใกล้ราคาจะถูกลงกว่านี้
2. สำหรับรุ่นที่เป็น Edge LED และFull LED จะมีความเพี้ยนของสี และไม่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดี เนื่องจากจอแสดงผลภาพยังคงเป็น LCD
PLASMA TV
- พลาสม่าทีวี คือทีวีจอแบนที่ใช้ปรากฏการณ์พลาสม่าในการสร้างแสงสีต่างๆ โดยก๊าซที่อยู่ในพลาสม่าจะทำปฏิกิริยากับฟอสเฟอร์ ทำให้พิกเซลแต่ละพิกเซลเรืองแสง ให้สีที่เจิดจ้าและภาพที่คมชัด เพราะจอพลาสม่าสามารถสร้างแสงขึ้นมาได้เอง จึงทำให้ภาพมีความคมชัด สีที่ลึก และแสดงภาพเคลือนไหวที่รวดเร็วได้อย่างไหลลื่น
1. สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดีกว่า เนื่องจากมี Response Time 0.001 ms จึงเหมาะกับการใช้รับชมภาพยนตร์ ประเภท Action และการรับชมกีฬาเป็นอย่างมาก
2. อายุการใช้งาน ยาวนานกว่าถึง 100,000 ชั่วโมง (Half Brightness)
3. สามารถแสดงระดับพื้นสีดำ และเห็นมิติของภาพได้ดีกว่า เพราะมีคอนทราสต์ที่สูง
4. มุมมองการรับชมที่กว้างกว่า และยังคงให้สีที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ
1. อาการ Burn-In (ในปัจจุบันสำหรับ Plasma TV รุ่นใหม่ๆมีระบบรักษาจอภาพ ปัญหานี้จึงหมดไป)
2. ไม่เหมาะสำหรับใช้ในห้องที่มีแสงสว่างสูง หรือตั้งไว้กลางแจ้ง แต่ควรจะเป็นห้องที่สามารถความคุมแสงได้
3. เกิดเงาสะท้อนที่หน้าจอ (แต่ถ้านำไปตั้งไว้ถูกที่ โดยอิงจากข้อ 2 ปัญหานี้ก็จะไม่เกิด)
4. กินไฟมากว่า และมีความร้อนออกมาจากตัวเครื่องมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น